วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)


ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)

ซุกซน ชอบอยู่ใกล้คน รักสวยรักงา



{pic-alt}คุณสมบัติของสุนัข
  1. ขนาดตัวเล็ก
  2. อาบน้ำ 1 ครั้ง/สัปดาห์
  3. ขนยาว
  4. ออกกำลังกาย 1 ครั้ง/สัปดาห์
  5. พละกำลังและความแข็งแรงน้อย
  6. เป็นมิตรปานกลาง
  7. ทนอากาศร้อนน้อย
  8. ทนอากาศหนาวปานกลาง
  9. พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย

{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


     ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเป็นสุนัขทอย พันธ์เล็กที่มีรูปร่างสมส่วน มีขนยาวปกคลุมตลอดลำตัว ขนยาว เรียบ ละเอียด เงา สลวยและเงางาม มีขนยาวที่หัว ซึ่งจะรวบหรือรัดด้วยโบว์ก็ได้ มีขนที่จมูกและปากยาว สีขนเป็นสีเงินออกน้ำเงินและสีทอง ลูกสุนัขเกิดใหม่จะมีสีน้ำตาลและสีดำ ลักษณะท่าทางจะบ่งบอกถึงความมั่นใจ กล้าหาญ กระตือรือล้น เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของ

 

{pic-alt} ความเป็นมา


     ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ ได้รับ การพัฒนาราวๆ ช่วงกลางของศตวรรษที่19 โดยการผสมข้ามสายพันธุ์เทอร์เรียร์ ที่แตกต่างกันหลายๆ สายที่มีในช่วงนั้น โดยเกิดขึ้นที่ตอนกลางถึงตอนเหนือของประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะในเมือ ยอร์คเชียร์ จนเป็นที่มาของชื่อ ยอร์คเชียร์ ยอร์คเชียร์ในช่วงแรกหนักถึง 6กก. และถูกใช้เช่นเดียวกับสายพันธุ์เทอร์เรียร์ อื่นๆ เพื่อกำจัดหนู เวลาต่อมา ผู้เพาะพันธุ์ที่ผลิตสายพันธุ์ที่เล็กกว่าสวยกว่า เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวและเพื่อการประกวดมากกว่าเป็นสุนัขล่าหนู



{pic-alt} ลักษณะนิสัย


     เป็นสุนัขที่กล้าหาญไม่ค่อยจะเกรงกลัวอะไร และเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี มีความสามารถที่จะได้ยินในระยะไกลๆได้ แต่ก็ไม่ใช่สุนัขที่เห่าพร่ำเพรื่อไม่มีสาเหตุ นอกจากนี้ยังเป็นสุนัขที่รักเจ้าของและมีความต้องการที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของ บางตัวชอบที่จะนอนบนเตียงเดียวกันกับเจ้าของ(ถ้าเจ้าของอนุญาต) เป็นสุนัขที่กระฉับกระเฉง โดยเฉพาะในช่วงเด็กๆ เค้าจะค่อนข้างคึกและซนมากๆ มักจะชอบวิ่งไล่จับหนู กบ แมลงหรือสัตว์ต่างๆที่ตัวเล็กพอๆกันหรือเล็กกว่า เป็นสุนัขที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจนเหมือนกับว่าเป็นสุนัขที่ดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง จะทำอะไรก็ต่อเมื่อตัวเองอยากทำเท่านั้น

 

{pic-alt} การดูแล         


     การอาบน้ำให้ยอร์คเชียร์ อาจทำแค่ 1 ครั้ง/เดือนก็เพียงพอ การอาบน้ำควรทำในสถานที่ที่อากาศอบอุ่นก่อนอื่นต้องใช้สำลีอุดหูทั้งสองข้างเพื่อกันน้ำเข้า หู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งรองบริเวณอกของเขาเพื่อจับให้ เขายืนขึ้น (หากเป็นไปได้ ควรหาผ้ารองกันลื่นมาวางรองพื้นเพื่อไม่ให้ขาของเขาลื่นไถลไปมาเวลาที่คุณจับเขายืน) เปิดน้ำจากฝักบัวอย่าให้แรงมากนัก ค่อยๆ รดตัวเขาให้เปียกจนทั่ว ชโลมแชมพูให้ทั่วตัวและถูเบาๆล้างทำความสะอาดบริเวณศีรษะ และใบหน้าเป็นอันดับสุดท้าย

     ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าให้แชมพูเข้าปากและตา จากนั้นล้างแชมพูออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนูก่อนจะนำไปเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าที่ใช้ความร้อนพ อเหมาะ เสร็จแล้วจึงใช้แปรงหวีขนเบาๆ ซึ่งการแปรงขนให้ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันสำหรับสุนัขพันธุ์นี้

     ขนของ ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ โดยทั่วไปจะยาวถึงพื้นจึงจำเป็นต้องแปรงขนประมาณ 1ชั่วโมงทุกๆ 2 วันเพื่อไม่ให้ขนพันกันยุ่ง ควรผูกรวบขนบนหัวไว้ไม่ให้ตกมาบริเวณตาของสุนัข แต่ถ้าไม่ต้องการยุ่งยากมากนักก็เพียงแต่ตัดขนให้สั้นก็ได้ พวกเขาจะมีความสุขมากถ้าพาเขาไปเดินเล่นหรือปล่อยให้วิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน

     ส่วนเรื่องอาหารการกินของ ยอร์คเชียร์ ควรจะเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา ในลูกสุนัขควรเลือกอาหารสูตรลูกสุนัข ซึ่งมีปริมาณโปรตีนสูง แต่สำหรับสุนัขโตอาจเลือกอาหารที่มีปริมาณโปรตีนเป็น ส่วนประกอบขั้นต่ำ ประมาณร้อยละ 20 ก็เพียงพอ และอาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้งก็ได้


{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ยอร์คเชียเทอร์เรียเหมาะสำหรับคนทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเด็กก็ตาม แต่ถ้ามีเด็กเด็กต้องได้รับคำแนะนำถึงวิธีการปฏิบัติต่อสุนัข และไม่ควรปล่อยให้อยู่กับสุนัขโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณเลี้ยง ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ คือคุณมีเวลาเพียงพอที่จะดูแลเขาหรือไม่ เช่นเดียวกับสุนัขส่วนมากคือการทิ้งให้อยู่ลำพังเป็นเวลานานจะไม่ดีกับอารมณ์ของ ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ เลย และถ้าทุกๆ คนในบ้านจะต้องไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวันแล้วล่ะก็ จะดีมากที่สุดถ้าเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัวเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนกัน








{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

 
ขนาดไม่เกิน 7 ปอนด์
ศรีษะมีขนาดเล็ก ส่วนบนของหัวค่อนข้างแบน
ฟันมีขนาดใหญ่ ขนแบบเสมอหรือขบแบบกรรไกร
ปากมีขนาดไม่ยาวมาก
ตามีขนาดปานกลาง ตามีสีเข้ม ตาแวววาวเป็นประกาย
หูมีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นรูปตัว V หูตั้ง
จมูกสีดำ
คอ-
อก-
ลำตัวมีลักษณะสั้น เส้นตรงอยู่ในแนวระดับ
เอว-
ขาหน้าตรง ข้อศอกไม่บิดเข้าหรือออก เท้ากลม เล็บสีดำ นิ้วติ่งต้องตัดออก
ขาหลังเมื่อมองจากด้านหลังขาหลังตั้งตรง ข้อเท้าทำมุมพอประมาณ เท้ากลม เล็บสีดำ นิ้วติ่งต้องตัดออก
หางตัดให้สั้นพอประมาณ หางตั้งอยู่เหนือระดับหลัง
ขนคุณภาพของขนถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ขนมีลักษณะเหยียดตรงเป็นประกายคล้ายแพรวไหมขนบริเวณลำตัวให้เสมอพื้น ขนบริเวณหัวยาวอาจจะผูกด้วยโบว์เดี่ยวหรือโบว์คู่ก็ได้ขนที่ผ่า เท้าตัดให้สั้น บริเวณลำตัวสีเทาเข้มเงา บริเวณหัว อก และขา สีน้ำตาลเงา
สีขน-


ที่มา:http://www.dogilike.com/breeds/29/%7Bcontent-url%7D




ซามอยด์ (Samoyed)


ซามอยด์ (Samoyed)

ฉลาด อ่อนโยน เชื่อฟัง ซื่อสัตย์ ปรับตัวง่าย



{pic-alt}คุณสมบัติของสุนัข
  1. ขนาดตัวกลาง
  2. อาบน้ำ 1 ครั้ง/เดือน
  3. ขนยาว
  4. ออกกำลังกายทุกวัน
  5. พละกำลังและความแข็งแรงปานกลาง
  6. เป็นมิตรมาก
  7. ทนอากาศร้อนได้น้อย
  8. ทนอากาศหนาวได้มาก
  9. พื้นที่ในการเลี้ยงปานกลาง

{pic-alt} ลักษณะทั่วไป


     โดยธรรมชาติแล้ว ซามอยด์เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้งาน มีความแข็งแรง กระตือรือร้นและตื่นตัว ดูแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกออกจะสวยและสง่างาม ขนหนาเหมาะกับอากาศหนาว สีขนมีทั้งสีขาวบริสุทธิ์ สีขาวผสมขนมปังกรอบ สีครีม หรือสีขนมปังกรอบ ซามอยด์เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีริมฝีปากดำ หยักนิดๆ ที่มุมปาก จนได้รับขนานนาม “รอยยิ้มซามอยด์”  ซามอยด์เพศผู้จะมีช่วงหลังไม่ยาวนักเพราะความยาวที่มากจะทำให้หลังอ่อนแอ บาดเจ็บได้ง่าย แล้วด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่ค่อยเหมาะกับการทำงานที่หนักหน่วงจนเกินไป แต่สำหรับเพศเมียช่วงหลังจะยาวกว่าเพศผู้นิดหน่อย พวกเขามีความสามารถทั้งในเรื่องของการลากเลื่อน การจูงลากดึงของที่มีน้ำหนัก ต้อนสัตว์ หรือแม้แต่แบกของให้แต่นักไต่เขา มีอายุได้ถึง 12-14 ปี


{pic-alt} ความเป็นมา


     ซามอยด์เป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่เก่าแก่ มีเชื้อสายใกล้กับสุนัขพื้นเมือง ซึ่งการผสมพันธุ์ร่วมกับหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอก แล้วได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดยชาวซามอยด์ของไซบีเรีย เพื่อใช้ต้อนกวางเรนเดียร์ ลากเลื่อน  ซามอยด์ได้รับการดูแลจากชาวพื้นเมืองเป็นอย่างดี ถึงขนาดอนุญาตให้เข้าไปนอนในเต้นท์ได้ เพราะความเป็นความตายของพวกเขาขึ้นอยู่กับสุนัขสายพันธุ์นี้

{pic-alt} ลักษณะนิสัย


     ซามอยด์เป็นสุนัขที่มีความฉลาด อ่อนโยน เชื่อฟัง ซื่อสัตย์ เป็นมิตร กระตือรือร้น ปรับตัวง่าย พร้อมที่จะรับใช้เจ้าของ รักที่จะอยู่กับครอบครัวมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ต้องการความรักและการเอาใจใส่จากมนุษย์เป็นพิเศษ เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ สามารถเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต แต่เนื่องจาก ได้รับมรดกตกทอดจากเชื้อสายสุนัขใช้งาน พวกเขาจึงต้องคิดหา สร้างสรรค์กิจกกรมที่ทำให้เขาเพลิดเพลินด้วยตัวเอง เช่น ไล่จับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะสิ่งของ หนู หรือแมว อะไรก็ตามที่ตัวเล็กๆ ชอบวิ่ง และชอบเห่า เพื่อเป็นหนทางในการปลอดปล่อยพลังงาน แทนการทำงานหรือกิจกรรมหนักๆที่พวกเขาไม่ได้ทำ

 

{pic-alt} การดูแล


     การทำความสะอาดซามอยด์ควรอาบน้ำให้ประมาณเดือนละครั้ง ไม่ควรอาบบ่อยจนเกินไป เพราะจะล้างน้ำมันที่ขนและผิวหนังซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติออกไป ทำให้ผิวแห้งและก่อให้เกิดโรคผิวหนังตามมา  ขนของพวกเขา มักจะพันกันยุ่งเหยิง ควรแปรงขนเป็นประจำทุกสัปดาห์ และแปรงบ่อยครั้งขึ้นช่วงฤดูผลัดขน

     อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ซามอยด์เป็นสุนัขที่มีไว้ใช้งาน เมื่อนำมาเลี้ยงตามบ้าน จึงมีพลังงานเหลือเฟือ ดังนั้นการออกกำลังกายทุกวันเป็นประจำจึงจำเป็นมากๆ สำหรับพวกเขา เพื่อเผาผลาญพลังงาน เพราะถ้าพวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย จะเกิดอาการพาล อารมณ์ไม่ดี วิ่งไปมา หรือเห่า อาจถึงขั้นทำลายข้าวของ เช่นเดียวกับเวลาที่เขาเกิดความวิตกกังวลกระวนกระวาย จึงควรพาเขาไปวิ่งหรือออกกำลังกายในพื้นที่กว้างๆ เช่นสนามหญ้าหรือสวนสาธารณะ แต่ซามอยด์ค่อนข้างตื่นตระหนกได้ง่าย และชอบเห่า จึงไม่ควรพาเขาออกไปอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน

     ซามอยด์ต้องการความรักและต้องการอยู่ร่วมกับคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงไม่ควรทิ้งเขาให้อยู่บ้านตัวเดียว พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้ตามลำพังนานจนเกินไป



{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ผู้ที่ต้องการเลี้ยงซามอยด์ ต้องมีเวลาให้เขาเป็นอันดับแรก เพราะพวกเขารักที่จะอยู่กับคนในครอบครัว การทิ้งให้เขาอยู่ตามลำพังเกินหนึ่งชั่วโมง สามารถทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง และไม่มีความสุข และอาจทำลายข้าวของเวลาที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ นอกจากนี้การออกกำลังกายทุกวันก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับซามอยด์ เพราะพวกเขามีพลังงานเหลือเฟือที่ต้องหาทางปลดปล่อย จะได้ไม่วิ่งซนไล่กัดสัตว์ตัวเล็ก หรือเห่าไม่ยอมหยุด

 

{pic-alt} ข้อควรจำ


     • พวกเขาต้องการความรักและการเอาใจใส่จากครอบครัวอย่างมาก
     • ควรระวังโรคเกี่ยวกับสะโพกเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน ประสาทตาเสีย ซึ่งอาจมีผลทำให้ตาบอดได้ และโรคเบาหวาน ดังนั้นจึงควรพาไปตรวจร่างกายเป็นประจำ





{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์
 

ขนาด
 
ซามอยด์เพศผู้ จะมีส่วนสูงอยู่ระหว่าง 21 - 23.5 นิ้ว น้ำหนัก 20 - 30 กิโลกรัม ส่วนเพศเมีย มีส่วนสูงประมาณ 19 - 21.5 นิ้ว น้ำหนัก 17 - 25 กิโลกรัม
ศรีษะ

 
ศีรษะ มีลักษณะเป็นรูปลิ่ม กว้าง แต่แคบลงนิดหน่อย ศีรษะไม่กลม หรือเป็นรูปทรงผลแอปเปิ้ล หากเป็นทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า ระหว่างเส้นโคนหูทั้ง 2 ข้าง และจุดกึ่งกลางที่ตำแหน่งช่วงหักของสันดั้งจมูก
ฟัน
 
แข็งแรง จัดเรียงสวยงาม ฟันบนล่างซ้อนกันพอเหมาะพอดี ตามแบบลักษณะฟันกรรไกร
ปาก
 
สีดำ ริมฝีปากกระชับ ไม่ย้อยลงมา  มีรอยหยักล้ำออกไปนิดหน่อยบริเวณมุมปาก ดูเป็นรอยยิ้ม อย่างที่รู้จักกันดีว่า  “รอยยิ้มซามอยด์”
ตา
 
รูปตาเป็นวงรี ทรงอัลมอนด์ ลูกตามีสีเข้ม ตาลึก ขอบตาดำ  หางตาช่วงล่างตวัดขึ้นไปยังตำแหน่งฐานหู
หู


 
ใบ หูหนาและแข็งแรง ตั้งตรง เป็นทรงสามเหลี่ยม ส่วนบนสุดของใบหูโค้งมนเล็กน้อย หูทั้ง 2 ข้างควรมีขนาดพอเหมาะกับขนาดศีรษะและขนาดตัว ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ความยาวของหูควรเป็นความยาวเดียวกับระยะห่างระหว่างโคนหูถึงมุมหางตา ภายในหูมีขนปกคลุม และด้านนอกใบหูก็เช่นกัน
จมูกดำสนิท แต่สีจมูกสามารถเปลี่ยนไปได้ ตามอายุหรือสภาพอากาศ
คอ
 
แข็งแรง ตั้งตรง สง่างาม กล้ามเนื้อแข็งแรงได้รูป ลาดลงโค้งรับต่อกับช่วงไหล่สง่างาม น่ามอง
อก


 
อก ลึก กระดูกซี่โครงขยายออกกว้าง ช่วยให้ขาหน้าและไหล่เคลื่อนไหวได้ดี ถ้าช่วงอกที่ลึกที่สุดอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของขาหน้า ใกล้กับซี่โครงซี่ที่เก้า จะถือว่าเป็นช่วงอกที่สมบูรณ์แบบมากๆ ซึ่งช่วงอกที่ลึกสามารถเก็บรักษาหัวใจและปอดได้ดีและปลอดภัยกว่าช่วงอกที่ กว้าง
ลำตัว





 
กระดูก และกล้ามเนื้อแข็งแรงมีประสิทธิภาพ รูปทรงมีลักษณะกลมสมดุล  กระดูกหนากว่าสุนัขที่มีขนาดเท่ากันแต่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของซามอยด์ ส่วนลำตัวที่สูงที่สุดของซามอยด์อยู่บริเวณแผ่นหลัง ยาวตรงไปยังสะโพกที่แข็งแรง โค้ง  อกลึก กระดูกซี่โครงขยายกำลังดี กล้ามเนื้อแข็งแรง กระชับ ไม่หย่อนคล้อย มีความยาวของลำตัวยาวกว่าส่วนสูงเพียงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ จึงมีรูปทรงลำตัวเป็นสี่เหลี่ยม แต่ซามอยด์เพศเมียจะมีลำตัวยาวกว่าเพศผู้เล็กน้อย
เอว-
ขาหน้า
 
ตั้งตรง และตั้งฉากกับพื้น แข็งแรง มีพลัง ช่วยให้การก้าวกระโดดมั่นคง ช่วงไหล่ทั้งสองข้างยาวและลาดต่ำลงสวยงาม
ขาหลัง
 
กล้ามเนื้อขาหลังท่อนบนแข็งแรง  กระดูกขาค่อนข้างใหญ่  ข้อเท้าทำมุมพอประมาณ  มีขนหนาบนบริเวณด้านหลังขา
หาง

 
ควร มีความยาวพอดี ปกคลุมด้วยขนยาวเป็นพวง เมื่อทิ้งหางลง ปลายหางจะอยู่ระหว่างข้อเท้าหลัง แต่เมื่อตื่นตัวจะยกหางพาดด้านหลังหรือด้านข้าง แล้วจะตกลงเมื่อผ่อนคลาย
ขน


 
มี ขน 2 ชั้น ชั้นแรกจะสั้น นุ่ม และหนา ติดกับชั้นขนที่ยาวกว่า และหยาบกว่าซึ่งอยู่ชั้นนอก ขนของชามอยด์มีความเงางาม  บริเวณรอบคอและไหล่ขนฟูหนาเป็นแผงคอช่วยให้ทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยปกติแล้วขนบริเวณคอของเพศผู้จะยาวกว่าเพศเมีย แต่จะมีความนุ่มมากกว่า
สีขน
 
ควรเป็นสีขาวบริสุทธิ์ สีขนมปังกรอบ (สีน้ำตาลออกขาวๆ)  สีขาวผสมสีน้ำตาลขนมปังกรอบ  หรือสีครีม


ที่มา:http://www.dogilike.com/breeds/10030/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C.php


ชเนาเซอร์ (Schnauzer)

ชเนาเซอร์ (Schnauzer)

หมามีคิ้ว รักบ้าน รักเจ้าของ และรักเด็ก




{pic-alt}คุณลักษณะ

  1. ขนาดตัวกลาง
  2. อาบน้ำ 1 ครั้ง/2สัปดาห์
  3. ขนยาวปานกลาง
  4. ออกกำลังกาย 1 ครั้ง/สัปดาห์
  5. พละกำลังและความแข็งแรงปานกลาง
  6. มีความเป็นมิตรมาก
  7. ทนอากาศร้อนปานกลาง
  8. ทนอากาศหนาวปานกลาง
  9. พิ้นที่ในการเลี้ยงปานกลาง
{pic-alt}ลักษณะทั่วไป
       ชเนาเซอร์มีถึง 3 สายพันธุ์ คือ ไจแอนท์ ชเนาเซอร์ สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ และ มินิชเนาเซอร์ เป็นสุนัขที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวคือ มีคิ้ว มีหนวด ดูน่าเกรงขามและดุ แต่ตรงกันข้ามเป็นสุนัขที่รักบ้าน และเจ้าของมากๆ เป็นมิตรกับคนด้วยโดยเฉพาะเด็กๆ


{pic-alt} ความเป็นมา

          ชเนาเซอร์สุนัขพันธุ์เก่าแก่ ต้นกำเนิดเป็นสุนัขเลี้ยงแกะ ถิ่นกำเนิดอยู่ทีประเทศเยอรมันนี โดยคำว่า ชเนาซ์ (Schnauze) เป็นภาษาเยอรมัน มีความหมายว่าปาก คำว่าชเนาเซอร์จึงมีความเหมาะสมที่จะเรียกสุนัขที่มีหนวดเคราอย่างสุนัขพันธุ์นี้ ในสมัยก่อนพ่อค้าที่ต้องเดินทางในช่วงศตวรรษที่ 15-16 จะใช้ชเนาเซอร์เพื่อคุ้มกันรถบรรทุกเทียมม้าในระหว่างการเดินทางไปแต่ละหมู่บ้าน ขนาดดัวของสุนัขไม่ควรจะใหญ่เกินไปเพราะต้องสามารถอยู่บนหลังคาของรถบรรทุกเทียมม้าขณะเดินทางได้ แต่ก็ต้องดุร้ายพอที่จะขับไล่พวกขโมยได้ด้วยเช่นกัน มินิเอเจอร์ และไจแอนท์ชเนาเซอร์ถูกพัฒนาจากสแตนดาร์ดชเนาเซอร์


{pic-alt} ลักษณะนิสัย


     เป็นสุนัขที่ฉลาด กระฉับกระเฉง ว่องไว สนใจและสำรวจสภาพแวดล้อมของมันอยู่เสมอ มีความรักให้กับครอบครัวผู้เลี้ยงและชอบอยู่กับคนที่สุด มีความซื่อสัตย์จงรักภักดี ไม่ก้าวร้าว มีสัญชาตญาณความปลอดภัยดี หากพบคนแปลกหน้ามันจะไม่สน ผู้เลี้ยงจึงควรแนะนำผู้มาเยี่ยมให้มันรู้จัก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานการเลี้ยงจากเจ้าของ เพราะนิสัยของแต่ละตัวก็จะย่อมแตกต่างกันไป

{pic-alt} การดูแล
 

     สุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์นั้น ไม่ค่อยมีปัญหาในการดูแลอะไรมาก เพราะเป็นสุนัขทอดทนและแข็งแรง แต่สิ่งที่ต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอคือ เรื่องของความสะอาด ผู้เลี้ยงจะต้องอาบน้ำให้สุนัขอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยแชมพูที่ใช้นั้นควรจะใช้ของสุนัข โดยเฉพาะและมีความอ่อนโยนต่อผิว ควรแปรงขนอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง อาจมีตัดขนได้บ้าง หากไม่ต้องการให้มีเยอะมากเกินไป

     ในเรื่องของการให้อาหาร ผู้เลี้ยงควรให้อาหารที่มีคุณภาพสูง อาจไม่จำเป็น ที่ต้องเพิ่มวิตามินหรืออาหารอย่างอื่นใดๆ ลงไปก็ได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์ คือการวิ่งออกกำลังกายในช่วงเวาสั้นๆ เช่นวันละ 15 – 20 นาที่ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้มีการตื่นตัวตลอดเวลา จึงควรออกกำลังกายวันละหนึ่งครั้ง ผู้เลี้ยงควรให้ความสำคัญกับเรื่องของที่นอนของสุนัข ไม่ควรให้สุนัขนอนในบริเวณที่มียุงชุม ควรจะต้องมีมุ้งลวดติด เพราะหากโดนยุงกัดมากๆ จะทำให้เกิดโรคหนอนหัวใจได้


{pic-alt} ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ชเนาเซอร์เป็นสุนัขที่ไม่มีการผลัดขน ไม่มีกลิ่นตัว ฉะนั้นผู้ที่เป็นภูมิแพ้ก็สามารถเลี้ยงได้ และยังเหมาะกับผู้เลี้ยงที่ต้องการนำมาคุ้มครองป้องกันภัยและครอบครัว ทั้งสำหรับผู้เลี้ยงที่เอาใจใส่ และพร้อมที่จะให้ชเนาเซอร์เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะพื้นฐานการเติบโตของสุนัขพันธุ์นี้มาจากความรัก ความจงรักภักดีและสภาพแวดล้อมที่ดี

{pic-alt} ข้อควรจำ


     ชเนาเซอร์เป็นสุนัขที่ชอบความท้าทาย จึงไม่เหมือนกับสุนัขสายพันธุ์อื่นเท่าไหร่ จะไม่ใช้เวลานานต่อการทำกิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่งควรที่จะเปลี่ยนกิจกรรมบ่อยๆ เพื่อฝึกให้เชื่อฟังและจะได้ไม่ทำให้มันเบื่อ



 

{pic-alt} มาตรฐานสายพันธุ์

 
ขนาดมินิชเนาเซอร์ 13.5 นิ้ว , สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ 16.5 - 17.5 นิ้ว , ไจแอนท์ชเนาเซอร์ 25.5 – 27.5 นิ้ว
ศรีษะมีลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนบนของกะโหลกศีรษะจะค่อนข้างแบนและยาว
ฟันฟันสบกันแบบกรรไกร ไม่ยื่นออกมาข้างนอก
ปากความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของกะโหลก มีเคราหนา
ตามีลักษณะรูปไข่ มีสีน้ำตาลเข้ม
หูมีขนาดปานกลาง ปลายหูจะแหลม แหนบติดกับกะโหลดศีรษะมีฐานตั้งขึ้นเล็กน้อย และพับลงมามีลักษณะเป็นรูปตัว v
จมูก-
คอแข็งแรงและโค้งเล็กน้อยลาดลงมาจนถึงบริเวณไหล่ หนังบริเวณคอจะไม่ย่น
อกกว้างพอสมควรไม่แผ่ออกมามากเกินไป
ลำตัว-
เอว-
ขาหน้าขาหน้าเหยียดตรงและขนานกัน
ขาหลังจะมีโคนขาที่แข็งแรงมีกล้ามเนื้อ จะไม่อยู่เหนือกว่าไหล่
หางตั้งตรงและอยู่สูงไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป
ขนมีสองชั้น ชั้นนอกจะหยาบ แข็งและหยิก ชั้นในขนจะอ่อน
สีขนมี 3 สี คือ สีเกลือพริกไทย (เทา) , สีดำหน้ากากขาว , สีดำทั้งตัว






ที่มา:http://www.dogilike.com/breeds/12/%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C.php